การปรับตัวของเกษตรกรจากผลกระทบของการค้าเสรี : ความท้าทายต่อแนวคิด “การพึงพาตนเอง”
  รองศาสตราจารย์ ดร.นฤมล นิราทร

บทคัดย่อ
          บทความนี้มีวัตถุประสงค์นำเสนอผลการศึกษาบางส่วนจากงานวิจัยเรื่อง “การปรับตัวของเกษตรกรจากผลกระทบข้อตกลงการค้าเสรี” ซึ่งเกษตรกรในกรณีนี้คือ เกษตรกร ผู้ปลูกกระเทียมในสามอำเภอ ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการปลูกกระเทียมมากที่สุด โดยเชื่อมโยง ผลการศึกษาเข้ากับแนวคิดการพึ่งตนเอง บทความนี้เป็นบททดลองนำเสนอเพื่อชวนให้ “คิดต่อ” ในประเด็นนี้
          จากคำถามเริ่มต้นที่ว่า เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการค้าเสรีมีคุณลักษณะอย่างไร เขาปรับตัวอย่างไรหลังจากที่ข้อตกลงการค้าเสรีมีผลบังคับใช้มาแล้วพอสมควรคือ 7 ปี และเขาคิดว่าแนวทางที่ควรจะเป็นในการสนับสนุนให้เขาปรับตัวได้ดียิ่งขึ้นควรจะเป็นอย่างไร ผู้ศึกษาค้นหาคำตอบโดยใช้กรอบ แนวคิดการปรับตัวเป็นแนวทางในการศึกษา และรวบรวมข้อมูลจากเกษตรกรที่คัดเลือกโดยวิธีสุ่มตัวอย่างเป็นระบบจำนวน 450 คนจากเกษตรกรที่ปลูกกระเทียมจำนวน 2,014 รายในอำเภอฝาง ไชยปราการ แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมานในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการศึกษาพบว่าการปรับตัวของเกษตรกรไม่ได้แตกต่างไปจากการปรับตัวที่ผู้ศึกษาพบในช่วง 3 ปีก่อนหน้า (2550) เกษตรกรยังเผชิญปัญหากับ ที่ไม่แตกต่างจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เช่น ปัญหาหนี้สิน นอกจากยังต้องกู้เงินเพื่อลงทุนในการเพาะปลูกกระเทียมแล้ว เกษตรกรยังมีหนี้สินต่อเนื่องด้วย ที่น่าสนใจก็คือเกษตรกรจำนวนไม่น้อยยังยืนยันที่จะปลูกกระเทียมต่อไป แม้จะตระหนักดีว่าต้องเผชิญกับปัญหาความผันผวนของราคากระเทียม ทั้งนี้เนื่องจากความชำนาญในการปลูกกระเทียมที่สะสม มานาน ความเหมาะสมของพื้นที่ และจากการที่กระเทียมเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเมื่อเทียบกับพืชเศรษฐกิจอื่น ที่สำคัญก็คือ เกษตรกรยังมีความเปราะบางสูงทั้งในด้านอายุ ทักษะ แหล่งที่มาของรายได้ ภาวะหนี้สิน การรวมกลุ่มที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะสร้างภูมิคุ้มกันและความมั่นคงในชีวิต
          จากผลการศึกษานี้จึงเกิดคำถามว่า การปรับตัวที่เป็นอยู่ทำให้เกษตรกร “พึ่งตนเอง” ได้หรือไม่ หากไม่ได้ การปรับตัวที่มุ่งสู่การพึ่งตนเอง ควรมีลักษณะอย่างไร และรัฐควรมีบทบาทอย่างไรบ้างในการสนับสนุนให้เกษตรกรพึ่งตนเอง การประมวลข้อมูลที่มีอยู่ ทำให้ได้คำตอบว่า การปรับตัวของเกษตรกรไม่ได้ทำให้เกษตรกรพึ่งตนเองได้มากขึ้น ทั้งนี้ด้วยปัจจัยหลายประการทั้งปัจจัยเชิงโครงสร้างและจากเกษตรกรเอง และหากจะทำให้การปรับตัวเป็นไปเพื่อการพึ่งตนเอง ต้องมีปัจจัยสนับสนุน ในส่วนของเกษตรกรต้องเริ่มต้นจากความพยายามลดการพึ่งพิง พร้อมที่จะเรียนรู้ เพื่อการพึ่งตนเอง และให้ความสำคัญต่อการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง มีบทบาทต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และความสามารถในการพึ่งตนเอง ในส่วนของรัฐควรมุ่งสู่การสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถ “พึ่งตนเอง” ได้ในระยะยาว โดยต้องให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนในเชิงโครงสร้าง ทบทวนนโยบายที่นำไปสู่การอำนวยความสะดวกในการก่อหนี้ สนับสนุนให้เกษตรกรมี “ความรู้” ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ ในฐานะส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิต และ เพื่อความมั่นคงในอาชีพในระยะยาว สนับสนุนการรวมกลุ่มเพื่อการประกอบอาชีพ การดำรงชีวิต สร้างสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุน “การเรียนรู้” การถ่ายทอดความรู้ และการปรับตัวเพื่อการพึ่งตนเองในระยะยาว

Abstract
            The paper is part of a study conducted in 2010 investigating adaptive strategies of garlic farmers who have been affected by Asean-China Free Trade Agreement (FTA). The research focuses on farmers in three districts in Chiangmai that produce the highest volume of garlic in Thailand. The study’s findings reveal that farmers’ adaptive strategies in 2010 were similar to those found in previous studies and do not necessary lead to self-reliance. This paper examines how farmers understand ‘ self-reliance’. It also analyzes how characteristics of farmers and their adaptive strategies pose challenges to the ‘self-reliance’ concept. Recommendations for long-term adaptive strategies and ‘self-reliance’ are presented.